งานศพอิสลาม มีขั้นตอนอะไรบ้าง ?

ศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาที่เต็มไปด้วยความเชื่อและความศรัทธา ทุกพิธีการจึงแฝงด้วยความหมายแห่งการดำเนินชีวิต รวมถึงพิธีศพอิสลามด้วย ซึ่งการจัดงานศพของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม หรือที่เรียกว่าชาวมุสลิม ส่วนใหญ่ นิยมปฏิบัติแบบเรียบง่ายตามศาสนบัญญัติ เมื่อชาวมุสลิมเสียชีวิตลง จะต้องทำพิธีทันทีและฝังร่างผู้เสียชีวิตให้เสร็จภายใน 24 ชั่วโมง หรือเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถือว่าหากเก็บร่างไว้นานกว่านี้ จะทำให้ผู้ที่มีชีวิตอยู่ต้องเสียใจเพิ่มมากขึ้น และด้วยแนวทางของศาสนาที่กำหนดให้งานศพอิสลามมีความเรียบง่าย ตามที่ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า " أسرعوا بالجنازة " แปลว่า "พวกท่านจงรีบฝังโดยเร็วเถิด"

ความเชื่อในการจัดงานศพอิสลาม

ตามหลักศาสนาอิสลาม ถือว่าการตายเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ไปยังอีกโลกหนึ่ง ชาวมุสลิมจึงถือว่า “ความตาย” ไม่ใช่เป็นการสิ้นสุดหรือจุดสุดท้ายของชีวิต แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะก้าวไปสู่ชีวิตที่แท้จริงและเป็นนิรันดร์ เป็นการกลับไปสู่ความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้าหรือพระอัลเลาะห์ที่มีชื่อว่า “อายัล” จึงไม่มีการแต่งดำไว้ทุกข์ ผู้เข้าร่วมพิธีสามารถแต่งกายได้ตามปกติ
 

นอกจากนี้ ชาวมุสลิมยังมีความเชื่อว่า อัลลอฮ์มีคำสั่งว่า “ห้ามสร้างหรือจับจองสถานที่แสดงความเป็นเจ้าของ ให้ย่อยสลายไปกับธรรมชาติอย่างสงบและเรียบง่าย” งานศพศาสนาอิสลามจึงดำเนินไปด้วยความเรียบง่ายนั่นเอง
 

ขั้นตอนการจัดพิธีศพอิสลาม
 

1. อาบน้ำศพ

ชาวมุสลิมจะเรียกผู้เสียชีวิตว่า “มัยยิต” หรือ Mayyit และเริ่มพิธีด้วยการอาบน้ำศพ เพื่อทำความสะอาดร่างกายตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า มีข้อกำหนดว่าถ้ามัยยิตเป็นผู้ชายต้องให้ผู้ชายอาบ ถ้ามัยยิตเป็นผู้หญิงต้องให้ผู้หญิงอาบ โดยมีผ้าปิดร่างกายด้านหน้า อาบน้ำละหมาดด้วยน้ำสะอาดและน้ำใบพุทรา หรือน้ำผสมการบูร ถ้าเล็บยาวก็ต้องตัดให้สั้น แล้วใช้ผ้าเช็ดตัวซับให้แห้งแล้วห่อด้วยผ้าขาว

2. การกะฝั่นหรือการห่อศพ

ขั้นตอนถัดมาเป็นการห่อศพ โดยจัดมัยยิตให้นอนวางมือสองข้างไว้ระดับอก มือขวาทับมือซ้าย โรยด้วยกำยานหรือเครื่องหอม ร่างจะถูกคลุมทั้งหมด เปิดไว้เพียงใบหน้า เพื่อให้ญาติพี่น้องมาอำลาด้วยการแสดงความรักต่อกันเป็นครั้งสุดท้าย โดยห้ามน้ำตาร่วงถูกมัยยิตเด็ดขาด ก่อนจะปิดหน้าแล้วนำร่างบรรจุลงโลงศพไม้ขนาดพอดีตัวก่อนที่จะนำมาบรรจุไว้ในโลงศพไม้อีกชั้นหนึ่ง
 

3. เคลื่อนศพไปมัสยิด และละหมาดให้ผู้ล่วงลับ

หลังจากเสร็จพิธีกะฝั่น โลงศพจะถูกเคลื่อนย้ายไปที่มัสยิด บนโลงคลุมด้วยผ้าที่ทอลายอักษรจากคัมภีร์อัลกุรอาน หรือตกแต่งด้วยดอกไม้หรือใบไม้ประเภทพืชตระกูลมินต์ อันเป็นสัญลักษณ์ของพืชแห่งสรวงสวรรค์ ซึ่งผู้ที่อยู่ในเส้นทางที่เคลื่อนศพผ่านไป จะยืนขึ้นเป็นการเคารพศพและตามไปส่งถึงที่สุสานด้วย
 

ส่วนพิธีละหมาดหรือที่เรียกว่า “ละหมาดญะนาซะห์” สามารถทำได้ทั้งที่บ้านและที่มัสยิด ถือเป็นการขอพรให้ผู้เสียชีวิตเป็นครั้งสุดท้ายก่อนนำไปฝังที่กุโบร์ (สุสานของชาวมุสลิม)
 

4. ฝังศพที่สุสาน

ขั้นตอนสุดท้ายในพิธีศพอิสลามคือ การนำศพไปฝังที่กุโบร์ ซึ่งถือเป็นสถานที่ซึ่งดวงวิญญาณจะพำนักอยู่ก่อนเข้าสู่การตัดสินในวันแห่งการพิพากษาที่เกิดขึ้นหลังวันสิ้นโลก มีญาติพี่น้องที่เป็นผู้ชายทำหน้าที่นำศพลงหลุม และไม่มีการฝังสิ่งของมีค่าต่าง ๆ ลงไปด้วย เนื่องจากชาวมุสลิมเชื่อว่าสิ่งที่จะติดตัวผู้ล่วงลับไปมีเพียง 3 อย่างเท่านั้น ได้แก่ 
 

• ความศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าและศาสนกิจที่ตนสั่งสมไว้
• วิทยาทานหรือกุศลทาน
• การมีบุตรที่ดีเพื่อทำหน้าที่ขอพรต่อพระผู้เป็นเจ้าให้แก่ตนหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว
 

ในการฝังศพ จะต้องหันหน้ามัยยิตไปยัง “ทิศกิบลัต” หรือทิศที่ชี้ไปทางกะอ์บะฮ์ของนครเมกกะ หลังฝังศพเรียบร้อยแล้วใช้ก้อนหินหรือหลักไม้สั้น ๆ 2 ท่อนเรียกว่า “ตาหนา” ปักด้านศีรษะและปลายเท้าเป็นเครื่องหมายไว้บนหลุมศพ ถ้าเป็นผู้ชายจะมีลักษณะกลม ผู้หญิงจะมีลักษณะแบน และผู้นำศาสนาจะอ่าน “ดุอาห์” หรือคำขอพรต่อพระผู้เป็นเจ้าให้แก่ผู้ตาย ถือเป็นอันเสร็จพิธี 
 

การปฏิบัติตัวหลังงานศพอิสลาม
 

หลังจากฝังศพแล้ว ชาวมุสลิมจะมีประเพณีเยี่ยมสุสานเพื่อให้ระลึกถึงความตาย และระลึงถึงความไม่ตั้งอยู่ในความประมาท จากนั้นเจ้าภาพและญาติมิตรจะมีการทำบุญ “นุหรี” ที่บ้านหรือสุเหร่าเพื่ออุทิศให้แก่ผู้ตาย ซึ่งจะทำกันในวันที่เสียชีวิต และช่วงระยะ 3 วัน 7 วัน  40 วัน หรือ 100 วัน และตามความเหมาะสม มีการเลี้ยงอาหารและเชิญผู้นำศาสนามาร่วมขอพรจากพระผู้เป็นเจ้า เพื่อส่งดวงวิญญาณให้แก่ผู้ล่วงลับไปสู่ความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย
 

อยากจัดพิธีศพอิสลามให้สมบูรณ์แบบตามความเชื่อ ส่งดวงวิญญาณคนที่คุณรักกลับสู่พระผู้เป็นเจ้าด้วยความราบรื่น ทีมงานมืออาชีพของ Farawell ยินดีให้คำปรึกษาและช่วยคุณประสานงานในทุกขั้นตอน พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โทร. 097-496-9595 หรือแอดไลน์ @Farawell (มี@)